จนทำให้ที่ผ่านมาผ่าตัดศัลยกรรมมาแล้วทั้งหมด 16 ครั้ง ทั้ง ฟิวเลอร์ โบท็อกซ์ และ กลูต้าไธโอน เรียกได้ว่าทั้งร่างกายผ่านเข็มจิ้มมาแล้วทั้งตัว จนหน้าตาหล่อเหลา ดูดีกว่าที่พ่อแม่ให้มา
กระแสการทำศัลยกรรมของเขา เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในแวดวงอินเตอร์เน็ตทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งอภิรักษ์เองก็เปิดใจในรายการว่า ยอมรับมีการทำจมูก 2 ครั้ง ผ่าตัดเหลาคาง 3 ครั้ง ผ่าตัดรอยแผลเป็นนูนที่ตา 3 ครั้ง ผ่าตัดปากบาง 1 ครั้ง ซึ่งสาเหตุที่ทำหลายครั้งต้องมีการแก้ไขซ้ำ และฉีดฟิวเลอร์ให้แก้มเต็ม มีการฉีดโบทอกซ์เพื่อให้หน้าเรียวเล็ก
รวมผ่าตัดศัลยกรรมในระยะเวลา 2 ปีทั้งหมด 257,500 บาท ส่งผลให้ อภิรักษ์ หน้าตาต่างไปจากเพื่อนคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน
จุดประกายการทำศัลยกรรม เริ่มจาก อภิรักษ์ ดูทีวีเห็นพระเอกหน้าตาหล่อเหลา ดูดี ตนจึงอยากดูดีขึ้นบ้าง จึงเปิดอินเตอร์เน็ตดูข้อมูลในเรื่อง ผิวขาว สิว แต่เมื่อใช้ครีมต่างๆก็ไม่ได้ผลมากนัก
ก่อนที่จะเข้ามัธยมศึกษา อภิรักษ์ เป็นนักเรียนบนดอยพูดไทยไม่ค่อยชัด เมื่อเข้ามาเรียนในระดับมัธยมอีกโรงเรียน จึงกลัวว่าเพื่อนจะคิดว่าเป็นชาวเขา เหมือนเป็นปมด้อย จึงตัดสินใจขึ้นเขียงผ่าตัด
สิ่งที่ทำเป็นอันดับแรก คือ ทำจมูกจากนั้นจึงทำคางเนื่องจากทู่และเอียง แต่เมื่อทำออกมาไม่ค่อยพอใจเนื่องจากแหลมเกินไป เลยตัดสินใจไปแก้จมูกแล้วเหลากราม และเหลาคางใหม่ให้ดูดีกว่าเดิม ซึ่งการแก้จมูกครั้งใหม่มีการศึกษาข้อมูลมาอย่างดี มีรูปของ โดม ปกรณ์ ลัม มาเป็นแบบ แต่แพทย์ไม่สามารถทำตามแบบได้มากนัก เพราะโครงสร้างต่างกัน
ส่วนการทำคาง แพทย์จะเลาะเนื้อขูดกระดูก ต้องพักฟื้นนานพอสมควรก่อนไปทำปากบางที่ริมฝีปากบน โดยหมอจะใช้ปากกาวาดแบบ แล้วเปิดแผลด้วยการคีบเนื้อออกตามขอบเขตที่วาดเอาไว้ ทำให้ระหว่างการพักฟื้น ต้องใช้หลอดดูดในการกินอาหาร
ต่อมา อภิรักษ์ จึงทำตา แล้วทำคาง ดัดฟัน ฉีดผิวพรรณ เติมแต่งต่างๆ เช่นฟิวเลอร์ และฉีดโบทอกซ์ให้หน้าเรียว ส่วนผิวพรรณที่ดำคล้ำจึงต้องไปฉีดกลูต้าไธโอนเข้าเส้นเลือด สิบกว่าครั้ง จนปัจจุบัน อภิรักษ์ พอใจกับใบหน้าของตน
นายแพทย์เทพ เวชวิสิฐ ศัลยแพทย์เจ้าของคลินิกเอกชน กล่าวว่า จริงๆแล้วโดยอายุต้องมีอายุถึง 20 ปี จึงสามารถทำศัลยกรรมได้ เพราะเมื่ออายุยังน้อย ร่างกายและโครงสร้างยังพัฒนาไม่เต็มที่
ฟิวเลอร์เป็นสารที่เติมให้เต็ม หาฉีดเกินปริมาณมากเกินไป หากจะนำออกอาจลำบาก ส่วนโบทอกซ์เป็นสารที่ฉีดเพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อขยับ ไร้ริ้วรอย แต่ก็ค่อนข้างปลอดภัย เพราะอยู่ได้นานที่สุด 6 เดือน ส่วนกลูต้าไธโอนนั้น แต่เดิมใช้รักษากับคนไข้มะเร็งคีโม
เพราะสามารถแก้ปัญหาคลื่นไส้อาเจียน แต่ทำให้ผิวขาว ทำลายเม็ดสี ทุกส่วนของร่างกายจะขาวแต่ดวงตา เป็นสีดำ เมื่ออยู่ในห้องมืดจะมองไม่เห็น อาจเป็นอันตรายต่อดวงตา อาจสายตาเสียได้ ซึ่งการทำศัลยกรรม บางทีก็มีข้อเสีย ข้อผิดพลาดหากทำมากเกินไป อาจเกิดผลเสียจนทำให้เสียโฉม
อภิรักษ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า หากเป็นไปได้น่าจะรอให้โตกว่านี้ก่อนจึงตัดสินใจทำศัลยกรรม อยากฝากถึงผู้ชมว่า ให้ศึกษาข้อมูลเรื่องแพทย์ และคลินิกให้แน่นอน และรอเวลาโตเต็มที่จึงจะทำดีกว่า
นายแพทย์เทพ กล่าวว่า การแพทย์ไม่ใช่เรื่องปลอดภัย 100 % เด็กที่อายุไม่เกิน 20 ก็ควรที่จะปรึกษาพ่อแม่ พ่อหากผิดพลาดไปต้องมีการแก้ไขอีก จนในที่สุดอาจเสียโฉมไม่สามารถกลับมาได้เหมือนเดิม
ข่าวโดย : Mthai news
http://www.talkystory.com/?p=17364
http://women.sanook.com/อ้ายย่ะ-หนุ่ม-17-ปี-ศัลยกรรมเสริมหล่อ-2-ปี-16-ครั้ง-940037.html